ชัชวาล รอดคลองตัน จบการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลในปีพ.ศ. 2535 และ พ.ศ. 2537 (ปริญญาตรีและปริญญาโท) ชัชวาลเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่ ได้รับการตอบรับดีเป็นอย่างมาก แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากเรื่องราวของพุทธ
ประวัติและศาสนาพุทธ ถ่ายทอดภาพของมารต่างๆ เป็นสตรีทั้งหมด ภาพเขียน หลายๆ ภาพใช้ใบหน้าจากนางแบบและนักแสดงที่มีชื่อเสียง ผลงานส่วนใหญ่จะ เป็นภาพเปลือย สีน้ำมันหรือสีอะครีลิคบนผ้าใบและใช้สื่อผสมเพื่อเพิ่มอีกมิติหนึ่ง ให้กับภาพเขียนที่มีอยู่แล้ว
ในปีพ.ศ. 2550 ชัชวาลได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจากงานThe Beppu Asia Biannale Contemporary Art 2007 ที่ BeppuArt Museum ประเทศญี่ปุ่น ชัชวาลยังได้ จัดการแสดงผลงานมาตลอด 24 ปีที่ผ่านมาในฐานะของสมาชิกผู้หนึ่งของกลุ่ม ศิลปินลุ่มแม่น้ำโขง
ในเวลาที่ดิฉันสัมภาษณ์คุณชัชวาลในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 คุณชัชวาลเป็น ตัวแทนของ Dg Arts & Crafts ไปทำงานเวิร์คช็อปที่ RijksMuseum ประเทศ เนเธอร์แลนด์
งานนิทรรศการครั้งถัดไปชื่อว่า The Light for Life จะจัดขึ้นในเดือนเมษายนที่ สถานกงสุลใหญ่ประเทศไทยในนครลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา
ต่อจากนี้เป็นบทสัมภาษณ์
จานีน: อยากให้คุณชัชวาลเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่คุณได้นำเรื่องราว ของสตรีในศาสนาพุทธและวรรณกรรมไทย และได้ถ่ายทอดพวกเธอออกมาใน ภาพเขียนที่มีความงดงามและมีความหมาย
ชัชวาล: แรงบันดาลใจ ย้อนกลับไปเมื่อสมัยเด็กผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีความ ศรัทธามั่นในพระพุทธศาสนาจึงมีโอกาสได้ติดตามพ่อแม่ไปในวัดต่างๆ ผมสนใจ เรื่องราวบนจิตรกรรมฝาผนังและลวดลายปูนปั้นแต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กก็ไม่ได้ รับรู้ความหมายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นเท่าไร นี่เป็นที่มาของการค้นพบตัวเองถึงการ
ชอบวาดภาพ วาดทุกวันผมใช้เวลาอยู่กับความสุขในการวาดรูปแม้กระทั่งเวลาเรียน
จนมาเข้าเรียนทางด้านศิลปะโดยตรงในช่วงที่ต้องค้นหาแนวทางเฉพาะตัว แนว เรื่องในการทำศิลปะนิพนธ์ ผมจึงนึกย้อนถึงสิ่งที่ผมประทับใจเกี่ยวกับความศรัทธา ในพระพุทธศาสนาและจากจุดนี้เองผลงานของผมจึงมีความเกี่ยวโยงกับปรัชญา พุทธและแก่นหลักในการดำเนินชีวิต ผมศึกษาถึงเรื่องราวความเชื่อความหมายใน
สิ่งที่ผมสนใจ จากประเพณีจากจิตรกรรมฝาผนังและจากคัมภีร์
เรื่องราวภายในภาพที่ผมนำมาวาดล้วนเป็นสื่อสัญลักษณ์ที่น้อยคนจะให้ความ สนใจ เนื้อหาตอนนนึ่ึงในพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ผจญมารเป็นภาพที่ ผู้คนเห็นบ่อยๆทั่วไปแต่สิ่งที่ผมเห็นคือการกระทบของจิตและความคิดการ เปรียบเทียบอดีตปัจจุบันอนาคต กล่าวคือภาพต้นแบบจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นแรง
บันดาลใจให้ผมทำให้ผมเห็นและเข้าถึงความจริงของตัวเอง ภาพธิดาพญามารเป็น เนื้อหาเล็กๆที่ปรากฏในเรื่องราวพุทธประวัติ เพราะเป็นส่วนประกอบในเรื่องที่ว่า ด้วยบารมีของพระพุทธเจ้าที่ทรงชนะมารทั้งปวง นี่คือสิ่งที่ผมเห็นและสนใจจึง ศึกษาข้อมูลจากการอ่านถึงพุทธประวัติด้วยการปฏิบัติด้วยตนเองด้วย
ผมจึงรู้ว่าทั้งหมดคือสัญลักษณ์ธิดามารในพุทธประวัติคือ นางตัณหาที่แปลชื่อว่า ความอยาก นางราคะคือความหลง นางอรดีคือความริษยา สามสิ่งนี้มิใช่เรื่องเล่า แต่มีอยู่จริงแบบนามธรรมมีอยู่ตลอดเวลาทั้งอดีตปัจจุบันอนาคตแต่เรามองไม่เห็น เพราะไม่สนใจที่จะมองจุดเสียของตัวเอง แต่ผมเห็นนั่นจึงเป็นที่มาของการตีความ
จากสัญลักษณ์นี้ให้เป็นรูปธรรมผู้หญิงงามทั้งสามตามลำดับ
คนแรกคือนางตัณหามีความหมายถึงความอยากมีอยากเป็นแบบไม่มีที่สิ้นสุด คนที่ สองคือนางราคะหมายถึงหลงรักหลงในความสวยงามหลงในกามทั้งปวง คนที่สาม คือนางอรดีคือความโกรธ ความริษยา เห็นใครดีเกินกว่าไม่ได้ ทั้งหมดมีอยู่ในเรา ทุกคนเป็นของความทุกข์และความยึดติดทั้งปวงเป็นของที่เราทั้งหลายแก่งแย่งอัน
เป็นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวงทั่วทั้งโลกและจักรวาลที่เริ่มมาจากใจเราเองที่ถูก ควบคุมโดยนางทั้งสามผมได้นำเรื่องดังกล่าวมาผสมผสานจินตนาการถึงการต่อสู้ ภายใน ที่จริงแล้วที่เราต้องต่อสู้คือตัวเรานั่นเองและต้องสู้ไปจนกว่าจะวางมันลง ได้ครับ
จานีน: ดิฉันชอบวิธีการที่คุณใช้สีและเทคนิคในการสร้างบรรยากาศที่ชัดเจนใน ภาพเขียน สตรีหลายคนในภาพเขียนเป็นลูกครึ่งเอเชียและยุโรป อยากให้คุณ ชัชวาลอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิด อุปกรณ์และเทคนิคที่คุณใช้ในผลงานชุด บุตรสาวพญามารทั้งสามและนารีผล
ชัชวาล: อันดับแรกผมนำแรงบันดาลใจตีความด้วยตัวเองแล้วแปลงเป็นสัญลักษณ์ ที่สื่อได้กับคนในยุคนี้ อันดับสองการวาดภาพแบบประเพณีไทยที่ยังคงไว้ถึง อัตลักษณ์ของความเป็นเชื้อชาติคือการวาดแบบสองมิติที่ผมวาดลายเส้นทับบน พื้นสีทอง อันดับสามจินตนาการสร้างมิติและบรรยากาศภายในภาพแบบแสงเงา
การจัดแสงในจินตนาการให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่ผมพยายามถ่ายทอดความรู้สึก ของภาพด้วยโครงสี อันดับสุดท้ายผู้หญิงที่เป็นรูปทรงสื่อที่เป็นสัญลักษณ์เป็น จุดเด่นของภาพที่วาดแบบเหมือนจริง การเลือกแบบและการจัดท่าทางที่สื่อ อารมณ์ให้สอดคล้องไปกับภาพและเนื้อหา
จากโครงสร้างหลักๆทั้งสี่ข้อทำให้ภาพที่ผมวาดสะท้อนอัตลักษณ์รสนิยมส่วนตัว โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ผลงานในชุดนารีผลก็มีการเจาะและโฟกัสไปที่ตัวนารีผล เพื่อให้เห็นรายละเอียดแบบระยะใกล้ซึ่งในภาพแบบจิตรกรรมฝาผนังโบราณไม่มี การวาดแบบนี้ทั้งหมดมาจากจินตนาการส่วนตัวในแบบศิลปไทยร่วมสมัยและถูก
ตีความเปรียบเทียบขึ้นใหม่
|
โดยเรื่องนารีผลคือต้นไม้ที่ออกผลมาเป็นสตรีแรกรุ่นไม่ระบุเชื้อชาติต่างเป็นที่ หมายปองของบุรุษผู้มีฤทธิ์มีบารมี ต่างต่อสู้แย่งชิ่งกันในสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนด้วย อำนาจแห่งความหลง ความโลภนำมาซึ่งความโกรธ ผมจึงนำมาวาดเป็นภาพให้ เห็นถึงความงามตามธรรมชาติ เขาอยู่ของเขาปกติดีคงความงามประดับโลก แต่
เราต่างหากที่ไปหลงแล้วอยากครอบครองไปทำลายเขาเอามาเป็นของตนเอง เพียงเพื่อสนองกิเลสตนแต่หารู้ไม่ว่าเขามีอายุแค่เจ็ดวันเมื่อตัดออกมาจากต้น หลังจากนั้นเขาก็เสื่อมสลายไป ในผลงานชุดธิดามารและชุดนารีผล เป็นเทคนิค การวาดที่ใช้ลายเส้นเป็นส่วนมากผมจึงเลือกใช้สีอะคริลิคบนผ้าใบลินินซึ่งช่วยให้
การวาดเส้นลื่นใหลและแห้งไวสะดวกมากครับ นอกจากนี้การวาดภาพเหมือนที่ไม่ ค่อยมีลายเส้นแบบไทยส่วนใหญ่ผมจะใช้สีน้ำมันวาดครับช่วยให้ภาพมีน้ำหนักได้ดี และวาดได้อย่างสนุก สตรีในภาพส่วนใหญ่จะไม่มีตัวตนจริงแต่มีแบบที่มาจากคน จริงเพื่อความถูกต้องสมจริง
|
โดยผมให้ความหมายของระดับความงามของสตรีภายในภาพวาดไว้สามระดับ ด้วยกันคือข้อแรกคือความงามที่ดูแล้วสวยในแบบที่ทุกคนรับรู้ได้จากรูปทรง สัดส่วนว่าสวย ข้อที่สองคือความงามที่เกิดจากการรวมกันของทัศนะธาตุ เส้นสี วัตถุ ปริมาตร แสงเงา บรรยากาศ ข้อที่สามคือความงามที่สะท้อนความจริงหรือ แสดงความจริง
จานีน: เล่าเรื่องการศึกษา รางวัลที่คุณได้รับจากความสำเร็จที่ผ่านมา
ชัชวาล: ในสมัยที่ผมเรียนมัธยมผมเรียนอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนคนครึ่งหลับ ครึ่งตื่นเพราะสนใจแต่การวาดรูปการเรียนแย่มากแต่ก็ผ่านมาได้ทุกวิชา จนใน ที่สุดผมก็เข้าเรียนในสถาบันสอนศิลปะในระดับป.ว.ช.เป็นสิ่งที่ผมตื่นเต้นและสนใจ มากผมเหมือนคนที่ตื่นจากความหลับ การเรียนของผมดีขึ้นอย่างอัศจรรย์แม้ตัวผม
เองยังแปลกใจกับเกรดเฉลี่ย 4.00 ที่ได้แบบไม่เคยคิดว่าจะได้ในชีวิตนี้ สนุกและ สนใจในทุกสิ่งที่ได้เรียนจนผมสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีและผ่านเวที พิสูจน์ตัวเองจากเวทีประกวดผลงานศิลปะหลายเวทีตั้งแต่ยังเรียนอยู่ มีทั้งถูกคัด ออกได้รางวัลได้ร่วมแสดงได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง
จากเวทีประกวดได้แสดงผลงานเริ่มมีคนรู้จัก รางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมน่าจะเป็น รางวัลยอดเยี่ยมแห่งเอเชียในงาน The Beppu Asia Biennale of Contemporary Art 2007 ที่ Beppu Art Museum ประเทศญี่ปุ่น แล้วผมก็มีความเชื่อมั่นลึกๆว่าผม สามารถเริ่มต้นชีวิตจริงของการทำงานศิลปะโดยตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตเลี้ยงชีพ
ด้วยด้วยการวาดรูปเป็นอาชีพหรือที่เขาเรียกกันว่า ศิลปินอิสระ ที่คนทั่วไปไม่มีใคร รู้จักอาชีพนี้เท่าไรในประเทศไทย ผมเริ่มต้นด้วยการเก็บสะสมผลงานเพื่อจัด แสดงโชว์ร่วมกันกับเพื่อนสนิทและก็ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจสำหรับมือใหม่ อย่างผมจากวันนั้นถึงวันนี้ผมยังคงอยู่บนเส้นทางสายนี้อย่างไม่เคยเสื่อมศรัทธาต่อ
งานศิลปะนับเป็นเวลา 24 ปี แล้วแสดงผลงานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำหรับในปีนี้ ผมมีแผนการที่จะเดินทางไปเผยแพร่ผลงานศิลปะในหลายประเทศเช่นงานแสดง กลุ่ม ศิลปินลุ่มน้ำโขง ที่กัมพูชา โดยประเดิมต้นปี 2019 งานแสดง 2 ศิลปินไทย ในนิทรรศการ The Light for Life ที่สถานกงสุลใหญ่ประเทศไทยในลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายเดือนเมษา 2019 นี้ และโครงการศิลปะต่างๆ
ในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง แต่บางครั้งงานที่ผมสร้างขึ้นก็ไม่ค่อยจะทันต่อความ ต้องการกับกิจกรรมเท่าที่ควรเนื่องจากแต่ละชิ้นใช้เวลาพอสมควร แต่ผมก็จะยังคง มีฝันและอยากจะสร้างสรรค์ทำในอีกหลายสิ่ง ที่เป็นงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นแนวงาน ที่ผมทำอยู่หรือเเม้แต่ผลงานขนาดใหญ่ทั้งวาด งานปั้น หรืองานที่ทำร่วมกับ
สิ่งแวดล้อม ซึ่งแผนขั้นต่อไปของผมคืออาร์ตสเปซที่ผมจัดการออกแบบและทำใน สิ่งที่ผมทำเองได้ เพื่อที่จะมีที่จัดโชว์ผลงานของตัวผมเองและผลงานของเพื่อนๆ และคนรุ่นใหม่ในแบบของผมซึ่งจะค่อยๆเริ่มสะสมทุนส่วนตัวค่อยๆทำไป และสิ่งที่ ผมฝันไว้เลยคือที่ไม่ใช่วัตถุคือผมอยากมีสุขภาพที่ดี สายตาที่ปรกติ และ เรี่ยวแรง
ที่จะสามารถทำงานศิลปะโดยไร้เงื่อนไขของเวลาและพันธนาการทั้งปวงจนกว่าผม จะจากโลกนี้ไป
|
|